วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557


หนูแฮมเตอร์




ประวัติ

               ตามธรรมชาติแฮมสเตอร์จะอาศัยอยู่ในโพรงใต้ดิน และจะใช้เวลาในช่วงตอนกลางวันในการนอนหลับพักผ่อนและในตอน กลางคืนจะออกหากิน ที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องจากภูมิประเทศและภูมิอากาศในประเทศซีเรียที่มีลักษณเป็นดินแดนทะเลทราย  ในตอนกลางวันจะมีอุณหภูมิสูงมาก ซึ่งผิดกับตอนกลางคืนอุณหภูมิจะต่ำลง ด้วยลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเจ้าแฮมสเตอร์แคระคือมีขนาดตัวเล็กน่ารัก แต่ค่อนข้างจะขี้ระแวงกับสิ่งที่อยู่รอบๆตัวมัน ถ้าเราดูแลเอาใจใส่มันอย่างดี เลี้ยงดูพวกมันด้วยความรักก็สามารถสร้างความผูกพันกับเจ้าตัวน้อยพวกนี้ได้ เพราะมันรู้จักตอบสนองในทางที่ดีต่อผู้เลี้ยง และหากเราเล่นกับเจ้าตัวน้อยบ่อยๆ พวกมันก็จะคุ้นเคยกับเรามากขึ้นด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เจ้าตัวน้อยเป็นเพื่อนที่แสนดีสำหรับเราได้ในยามที่เราเหงา เพราะมันจะเล่นซนจนเราเพลินตาสบายใจ

             เจ้าตัวน้อยมักชอบอยู่ตัวเดียว และจะต่อสู้อย่างไม่คิดชิวิตเมื่อมีตัวอื่นที่แปลกหน้าผ่านเข้ามาในอาณาเขตของมัน  ส่วนเจ้าตัวน้อยตัวผู้และตัวเมียจะยอมคืนดีกันในช่วงฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น มีนิสัยชอบนอนในตอนกลางวันและตื่นในตอนกลางคืนเพื่อออกไปหาอาหารมากักตุนเอาไว้ อาหารที่เจ้าตัวน้อยกินจะเป็นพวกเมล็ดพืช ธัญพืช และพวกผลไม้ต่างๆ พวกมันเป็นสัตว์อนามัย รักความสะอาด มันมักจะทำความสะอาดตัวเองเสมอๆ เจ้าตัวน้อยพวกนี้จะอาศัยอยู่ในโพลงใต้ดิน ซึ่งในโพลงของพวกมันจะถูกแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ ได้แก่ ห้องน้ำห้องเก็บอาหาร และห้องเลี้ยงลูกอ่อน ซึ่งเจ้าตัวน้อยพวกนี้จะดูและที่อยู่ของมันให้สะอาดอยู่เสมอๆเจ้าตัวน้อยจะใช้ขาหน้าของมันทำสิ่งต่างๆ ได้มากมาย เช่น ทำความสะอาดร่างกาย หยิบจับอาหาร และวัสดุสำหรับสร้างรัง

ลักษณะนิสัยของหนูแฮมสเตอร์
            
             หนูแฮมสเตอร์นั้นเป็นสัตว์ที่จะนอนในเวลากลางวันครับแล้วก็จะตื่นออกมาวิ่ง เล่นในเวลากลางคืนครับ โดยส่วนมากจะออกมากินแล้วก็เล่นครับแต่สำหรับเรื่องกินแล้ว จะว่ากินทั้งวันก็ว่าได้ครับโดยจะตื่นมากินเป็นช่วงๆครับ


หน้าตาของหนูแฮมสเตอร์


ตา : เจ้าตัวน้อยมีตาที่กลมโตบ่องแบ้วน่ารักมากๆ สามารถมองเห็นได้ดีด้านข้าง และในระยะไกลๆ เพื่อที่เจ้าตัวน้อยสามารถหลบหนีจากศัตรูที่จะเข้ามาทำร้ายมัน แต่ เจ้าตัวน้อยจะไม่สามารถมองเห็นได้ในระยะใกล้ๆ


หู :  เจ้าตัวน้อยมีหูที่ดีมากๆ ได้ยินแม้กระทั้งเสียงที่มีความถี่ในระดับอัลตราโซนิคเลยทีเดียว ทำให้พวกมันสามารถสื่อสารกันได้โดยที่สัตว์อื่นๆไม่ได้ยิน                                                 

จมูก : จมูกของเจ้าต้วน้อยนั้นไวมากและสามารถที่จะแยกแยะกลิ่นว่าใครเป็นใครได้ เพราะต่อมสำหรับผลิตกลิ่นที่ใช้ บอกว่าใครเป็นใคร และใช้ในการประกาศอาณาเขตของมัน และกลิ่นนี้ก็สามารถที่จะแยกเพศได้ว่า ตัวไหนตัวผู้ตัวไหนตัวเมียเพราะฉนั้นหากเราเล่นกับเจ้าตัวน้อยบ่อยๆ พวกมันก็จะจำกลื่นเราได้ และเราก็จะไม่โดนเจ้าตัวน้อยกัด
ฟัน : เจ้าตัวน้อย เป็นสัตว์พวกฟันแทะ ซึ่งฟันของพวกมันจะยาวออกมาเรื่อยๆ ไม่มีวันสิ้นสุด ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เจ้าตัวน้อย ของเราต้องคอยลับฟันบ่อยๆ เพื่อไม่ให้ฟันของมันยาวเกินไป เพราะถ้าฟันมันยาวมากๆ ก็จะไปทิ่มเหงือกและไม่สามารถกินอาหารได้ ซึ่งการลับฟันนี้ทำให้ฟันของเจ้าตัวน้อยคมมากๆ เลย
หนวด : เจ้าตัวน้อยมีหนวดหลายเส้นเลยทีเดียว ซึ่งหนวดนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวเซ็นเซอร์ ช่วยในการบอกทิศทางและสำรวจสิ่งที่อยู่รอบตัวพวกมันเอง ซึ่งจะมีประโยชน์มากในการบอกเส้นทางในเวลากลางคืนมีความสามารถในการกักตุนอาหารจนแก้มของมันป่องออกมา โดยแก้มของมันจะเก็บอาหารได้อย่างดีโดยไม่มีน้ำลายและกระบวนการย่อยใดๆ เลย ที่เป็นเช่นนี้เพราะแก้มของมันจะมีผนังกั้นไม่ให้อาหารตกลงไปยังปากนั่นเอง และเมื่อมันต้องการที่จะเอาอาหารออกมาจากปากมันก็จะใช้เท้าเล็กๆ น่ารักๆ ของมันค่อยๆ ดันบริเวณกระพุงแก้ม อาหารก็จะค่อยๆหล่นออกมาจากปากแก้ม : แก้มของเจ้าตัวน้อยนั้นเรียกว่า

 
าหารเม็ด
เป็นอาหารที่มีโปรตีนค่อนข้างสูงทีเดียว นอกจากนี้ยังมีส่วนของแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับเจ้าตัวน้อยอีกด้วย ซึ่งอาหารเม็ดที่ให้นี้จะช่วยให้เจ้าตัวน้อยของเราเจริญเติมโตอย่างรวดเร็วร่างกาย แข็งแรง และเป็น การช่วยลับฟันให้กับเจ้าตัวน้อยของเราอีกด้วย
เมล็ดทานตะวัน
เป็นธัญพืชชนิดหนึ่งที่เจ้าตัวน้อยชอบและโปรดปราณมากที่สุด เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการสูงโดยเฉพาะไขมัน เพราะดังนั้นเราควรให้เจ้าตัวน้อยในปริมาณที่จำกัดมิฉะนั้นอาจทำให้เจ้าตัวน้อยของเราเป็นหมูตัวน้อยๆได้ อย่างไรก็ตามเมล็ดทานตะวันก็มีประโยชน์ก็คือ ช่วยในการลับฟัน ของเจ้าตัวน้อยได้ .....ผักสดต่างๆการให้ผักสดนั้นไม่ควรให้บ่อยเพราะจะทำให้เจ้าตัวน้อยของเราท้องเสียได้ ซึ่งผักสดที่ให้ควรล้างให้สะอาดก่อนเพื่อป้องกันอันตรายจากสารพิษที่อาจติดมากับผัก ผักสดเมาะกับเจ้าตัวน้อยที่กำลังเลี้ยงลูกอ่อน และเจ้าตัวน้อยที่เพิ่งหย่านมเพราะเจ้าตัวน้อยที่เพิ่งหย่านมยังกินน้ำไม่เป็น จำเป็นต้องให้ผักก่อนเพื่อไม่ให้เจ้าตัวน้อยขาดน้ำได้
วิธีการอาบน้ำและตัดเล็บ


เจ้าแฮมสเตอร์ตัวน้อยของเราเป็นเด็กรักความสะอาดมากถึงมากที่สุด มันจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำความสะอาดร่างกาย ดังนั้นการอาบน้ำให้เจ้าตัวน้อยจึงไม่ใช่สิ่งจำเป็น เพราะการอาบน้ำเป็นการทำลายน้ำมันที่ร่างกายของเจ้าตัวน้อยขับออกมาเคลือบเส้นขน เป็นการป้องกันร่างกายไม่ให้ได้รับผลกระทบเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงหากเจ้าตัวน้อยมีกลิ่นเหม็นอาจเป็นเพราะขี้เลื่อยนั้นสกปรก เราจึงควรเปลี่ยนขี้เลื่อยและน้ำในกรงแทนการอาบน้ำเจ้าตัวน้อย แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ เราก็มีวิธีทำความสะอาดเจ้าตัวน้อยของเรา 2 วิธีด้วยกัน คือ 


การอาบน้ำทราย

เป็นทนายเนื้อละเอียด ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้น กลิ่น และสิ่งสกปรกตามเส้นขนได้ดี วิธีใช้โดยเทใส่ภาชนะที่กว้างพอที่ให้เจ้าตัวน้อยลงไปกลิ้งคุกกับทรายได้ แต่ถ้าเจ้าตัวน้อยของเราคุกทรายไม่เป็น เราก็ใช้วิธีเททรายลงบนตัวของเจ้าตัวน้อยโดยอย่าให้เข้าตาแล้วปัดออกเบาๆ
ป.ล. อย่าใช้แป้งฝุ่นของคน เพราะอาจเป็นอันตรายต่อเจ้าตัวน้อยได้ เพราะแป้งฝุ่นนั้นอาจจะมีส่วนผสมของน้ำหอมซึ่งมีกลิ่นแรงเกินไปสำหรับเจ้าตัวน้อยของเรา
การอาบน้ำ
รณีที่เจ้าตัวน้อยของเราขนร่วงซึ่งอาจเกิดจากเชื้อรา เราจำเป็นต้องอาบน้ำให้มัน ซึ่งต้องใช้แชมพูที่กำจัดเชื้อราหรือแชมพูที่ผลิตมาเพื่อเจ้าตัวน้อยโดยเฉพาะ
 

วิธีอาบน้ำให้เจ้าตัวน้อย
-เตรียมอุปกรณ์ในการอาบน้ำให้พร้อม ได้แก่ ผ้าขนหนู แชมพู และคัทตันบัท
-เตรียมน้ำใส่ภาชนะที่ไม่ลึกมาก ให้เจ้าตัวน้อยของเราสามรถยืนได้ เติมน้ำอุ่นลงไปแล้วเอาภาชนะเล็กๆ ตักน้ำราดลงบนตัวของเจ้าตัวน้อย พยายามอย่าให้น้ำเข้าตา จมูก ปาก และ หู
-เทแชมพูเล็กน้อยผสมกับน้ำแล้วชโลมลงบนตัวเจ้าตัวน้อย
-ปล่อยให้เจ้าตัวน้อยว่ายน้ำไปมา แล้วเอาถ้วยตักน้ำล้างเอาแชมพูออกให้หมด แล้วเช็ดขนให้แห้งด้วยผ้าขนหนูที่สะอาด

การตัดเล็บ
แฮมสเตอร์เมื่อโตเต็มที่จะมีเล็บเท้าข่อนข้างยาว ซึ่งเป็นธรรมชาติของมัน แต่บางทีอาจจะยางเกินไป ทำให้เวลามันทำความสะอาดตัวเองอาจทำให้มันเป็นแผลได้จึงจำเป็นต้องตัดเล็บให้มัน
วิธีตัดเล็บให้เจ้าตัวน้อย
ปล่อยให้แฮมสเตอรวิ่งไปรอบๆ กล่องที่มีกระดาษทรายซักครู่ทุกเย็น จะช่วยให้เล็บสั้นลงได้ใช้กรรไกรตัดเล็บแต่อย่าตัดสั้นเกินไป หรือตัดโดนเนื้อจนเลือดออก



ลักษณะนิสัยของหนูแฮมสเตอร์

หนูแฮมสเตอร์นั้นเป็นสัตว์ที่จะนอนในเวลากลางวันครับแล้วก็จะตื่นออกมาวิ่ง เล่นในเวลากลางคืนครับ โดยส่วนมากจะออกมากินแล้วก็เล่นครับแต่สำหรับเรื่องกินแล้ว จะว่ากินทั้งวันก็ว่าได้ครับโดยจะตื่นมากินเป็นช่วงๆครับ




วิธีการเลี้ยงหนูแฮมเตอร์
อาหารหลักที่ควรให้แฮมสเตอร์ คือ ธัญพืชโดยจะโปรยอาหารลงบนพื้นก็ได้เพราะแฮมสเตอร์ไม่มีนิสัยชอบก้มกิน มันจะชอบหยิบอหารออกมากินนอกภาชนะมากกว่า โดยใช้เท้าหน้าจับอาหารกิน แต่การใช้ภาชนะมีข้อดี คือจะทำให้เราได้รู้ว่ามันเอาอาหารออกไปกิน มากน้อยแค่ไหน ถ้ามันป่วยเราก็รู้ได้ นอกจากนี้ การใส่ภาชนะยังทำให้อาหารและขี้เลื่อยไม่ปะปนกันทำให้การเปลื่ยนขี้เลื่อยทำได้ง่ายโยไม่ต้องทิ้งอาหารที่ปนกับขี้เลื่อย
สิ่งที่ควรทราบในการให้อาหารแฮมสเตอร์
1. อย่าให้ผักสด หรือผลไม้สดบ่อยๆหรือมากเกินไป การให้ผักสดควรให้แค่สัปดาห์ละครั้งเพราะอาจจะทำให้แฮมสเตอร์ท้องอืด หรือท้องเสียได้และหากมันกินไม่หมดควรจะเก็บทิ้งทันที
2. พยายามอย่าเปลื่ยนอาหารแบบทันทีทันใด ควรจะค่อยๆ เปลื่ยนอาหารโดยเอาอาหารเก่า ผสมกับอาหารใหม่ และเพิ่มอัตราส่วนอาหารใหม่ให้มากขึ้นเรื่อยๆ จนแทนที่อาหารเก่าในที่สุด อย่าเปลื่ยนแบบฉับพลัน
3. อาหารที่ควรหลีกเลื่ยงช็อคโกแลต โดยเฉพาะ Dark Chocolate เพราะมีสาร Theobromine ซึ่งเป็นพิษต่อแฮมสเตอร์ได้
4. หลีกเลื่ยงผักผลไม้ ที่มีรสเปรี้ยวๆ เช่น มะนาว ส้ม สับปะรด เป็นต้น
5. เราอาจจะเสริมโปรตีนให้กับแฮมสเตอร์ได้ โดยการให้อาหารเม็ดของแมวหรืออาหารสุนัขที่เป็น บิสกิต ใส่ลงไปได้บ้างเล็กน้อย ซึ่งช่วยเสริมโปรตีนและยังช่วยลับฟันแฮมสเตอร์ไม่ให้ยาวเกินไปอีกด้วย
6. อาหารที่ไม่ปลอดภัยสำหรับแฮมสเตอร์ ได้แก่ หัวหอม มันฝรั่งดิบ กระเทียม น้ำอัดลม ลูกกวาด เป็นต้น
7. หลีกเลี่ยงอาหารที่แหลมคม หรือ เหนียวหนืด
8. ขนมหรืออาหารหวานๆเพราะแฮมสเตอร์แคระมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานได้
9. หลีกเลี่ยง อาหารเม็ดของกระต่าย เพราะบางชนิดใส่สารอาหารบางอย่างที่ช่วยกระตุ้น การเจริญเติบโตในกระต่าย แต่เป็นอันตรายต่อแฮมสเตอร์
10. หลีกเลี่ยงผักผลไม้ที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเพรา
โรคที่มักเกิดกับแฮมสเตอร์
ขนร่วง การที่หนูแฮมสเตอร์ขนร่วงก็อาจจะมีสาเหตุมาจาก กรงไม่สะอาด อากาศร้อน อับชื้น หรือเกิอจากมีอายุมาก หรือเครียดมากๆ สำหรับวิธีดูแลเบื้องต้นให้ใช้เยนเซี่ยนไวโอเล็ต (ที่ทาปากเด็ก สีม่วงๆ ขวดละ 8 บาท) ทาทุกเช้าเย็น อาการจะดีขึ้นทาบิเวณรอบๆ แผลที่มีขนด้วยกันลาม การที่หนูขนร่วงไม่เป็นเรื่องร้ายแรงแต่ถ้าปล่อยไว้ไม่รีบรักษา อาจจะลามได้
 โรคหางเปียก เกิดจากอาหารเป็นพิษ บวกด้วยอากาศร้อน และความไม่สะอาด หรือเกิดการเครียดมากๆ เช่น เปลี่ยนที่อยู่ใหม่ อาการของโรค จะเริ่มต้นที่ท้องเสียก่อน และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นโรคหางเปียก ลักษณอาการนั้นจะทำให้หนูขาดน้ำกนอาหารไม่ได้ และก็เสียชีวิตในที่สุด
โรคท้องเสีย อาการของโรคท้องเสียก็เหมือนหรือคล้ายๆกับโรคหางเปียก
โรคเนื้องอก เป็นอีกโรคหนึ่งถ้าไม่พาไปหาหมอแล้วอาจจะถึงกับตายได้ โรคนี้มักเกิดกับหนูที่มีอายุมาก หรือมีลูกบ่อยหลายคอกติดๆ กัน อาการของโรคนี้จะเป็นก้อนเนื้อแข็งๆ เป็นก้อนกลมๆ อยู่ที่ใต้ท้อง / โคนขา หรือตรงนม ก้อนเนื้อที่โผล่ออกมาสามารถเห็นได้ชัดเจน
ขี้เรื้อน โรคนี้คล้ายๆ กับเป็นรังแค เหมือนกับหนังที่แห้งและลอกออกเป้นแผ่นๆ เกิดจากอากาศร้อน ขี้เลื่อยไม่สะอาดหรือสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ โรคนี้มักจะเกิดกับหนูที่อายุน้อยๆ ประมาณ2 อาทิตย์กว่าๆ -1 เดือน


























             
             
       
 






























ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น