วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557


เม่นแคระ



ประวัติเม่นแคระ
              African pygmy hedgehog หรือ เม่นแคระ หรือชื่อไทยอื่นๆ ที่เคยได้ยินคนเรียกขานถึงสัตว์ชนิดนี้กัน เช่นเม่นจิ๋ว” ,”เม่นสี ” ,”ทุเรียนเดินได้” ,”เงาะหนามชื่อเหล่านี้ล้วนเกิดจากลักษณะจุดเด่นของสัตว์ตัวนี้ทั้งนั้นด้วยลำตัวที่ปกคลุมไปด้วยหนามทั่วทั้งตัว หรือพฤติกรรมเพื่อป้องกันตัวเองจากศัตรู ด้วยการขดตัวม้วนกลมจนมองไม่เห็นขา หรือหน้าตา นอกจากหนามรอบตัวเม่นแคระถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก โตเต็มที่มีขนาดใกล้เคียงกับหนูแกสปี้ หากินตามพื้นดินอาหารหลักคือพวกแมลง หนอน สัตว์เล็กๆที่อยู่ตามพื้นดิน ออกหากินในตอนกลางคืน และพักผ่อน หลบซ่อนตัวเองจากศัตรูในตอนกลางวัน มีจุดเด่นคือผิวหนังด้านบนจะปกคลุมด้วยหนามแข็งๆทั่วทั้งตัว โดยหนามจะมีโทนสีที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละตัว ส่วนผิวหนังด้านล่างส่วนท้องของลำตัวนั้นจะปกคลุมด้วยขนอ่อน มีลักษณะหยาบนิดหน่อย ไม่แข็งเป็นหนามเหมือนด้านบน
             สำหรับถิ่นกำเนิดจุดเริ่มต้นของสัตว์ชนิดนี้ มาจากทวีปแอฟริกา และมีการนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง และ มีการพัฒนาสายพันธุ์กันในแถบยุโรป อเมริกา จนทำให้ได้ลักษณะเม่นที่แตกต่างกันมากมาย ทั้งในด้านของสีหนามและลักษณะภายนอกอื่นๆ จนมีการตั้งชื่อและกำหนดลักษณะมาตรฐานสีชื่อกันขึ้นมา สำหรับประเทศไทยนั้น เม่นแคระได้ถูกนำเข้ามาเพื่อเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงตามบ้านเรือน เช่นเดียวกัน ซึ่งก็ถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีจุดเด่นของตัวเอง เลี้ยงง่าย ดูแลก็ง่าย อีกทั้งพื้นที่ ที่ใช้ในการเลี้ยงก็น้อย และเรื่องของอาหารการกินที่ต้องจัดเตรียมให้เขา ก็ไม่ยุ่งยากมากนัก โดยเราสามารถให้อาหารแมวที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปได้ แล้วอาจจะเสริมด้วยหนอนนก(อาหารสุดโปรดของเม่นแคระ) หรือผลไม้ที่มีรสหวาน อาทิเช่น แอปเปิ้ล บ้างเป็นบ้างครั้งก็ได้
ลักษณะทั่วไป

             เม่นแคระเหล่านี้พบอาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่เดียวกับหนูตะเภาท้องถิ่น(น่าจะหมายถึงแถบแอฟริกา) หูสั้น มีขนสีขาวบริเวณหน้าแ...ละครึ่งล่างของลำตัว พวกมันมีนิ้วที่ขาหน้า 4 นิ้ว และ 5 นิ้วที่ขาหลัง หนามจะมีแถบสีพาดกลางซึ่งมีได้หลายเฉดสี มีขนาดหลากลายโดยมีน้ำหนักตั้งแต่ระดับ ออนซ์ จนถึง ปอนด์

ถิ่นกำเนิด
           แอฟริกากลาง, แอฟริกาตอนใต้ตั้งแต่เซเนกัลถึงซูดาน และ แซมเบีย
ลักษณะที่อยู่อาศัย
           แถบทุ่งหญ้าสะวันน่าและแถบทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ที่ไม่มีต้นไม้
ลักษณะนิสัย
            เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กประเภท Omnivorous(กินได้ทุกอย่าง) เม่นแคระสายพันธุ์ white-bellied และ algerian มีปรากฏตัวในสหรัฐอเมริกาครั้งแรกเมื่อปี 1991 โดยนำเข้าจากประเทศไนจีเรียซึ่งมีการพูดว่าเป็นที่นิยมอย่างมากที่นั่น พวกมันได้ถูกนำเข้ามาทางเรือสู่นิวยอร์กเพื่อขายเป็นสัตว์เลี้ยง ต่อมาทางการสหรัฐได้ห้ามนำเข้าเมื่อปี 1994 เพราะในขณะนั้นได้เกิดโรคระบาดในประเทศไนจีเนีย ซึ่งในขณะนั้นได้มีการนำเข้ามาแล้วประมาณ 80,000 ตัว เม่นแคระสายพันธุ์นี้มีการนำเข้าในหลายๆประเทศรวมทั้งยุโรปได้อย่างไม่มีปัญหา ก่อนจะเป็นที่นิยมอย่างมากในเวลาต่อมา ในช่วงสี่ปีแรกที่นำเข้ามีคนให้ความสนใจในการเลี้ยงดูและการผสมพันธุ์โดยไม่ได้คาดติดว่ามีการนำเข้ามา 2 สายพันธุ์ ทั้ง 2 สายพันธุ์ได้ถูกผสมกันเองและผสมข้ามพันธุ์จนกลายเป็นสัตว์เลี้ยงในปัจจุบัน เป็นการยากที่จะบอกว่าทำไมจึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น และเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ซึ่งน่าจะพูดได้ว่าเกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิด(ประมาณว่าตอนแรกๆไม่มีใครรู้ว่ามี 2 สายพันธุ์) แต่เป็นไปได้ว่าสายพันธุ์แท้น่าจะยังมีอยู่ใน UK แต่ยังมีความจริงอีกข้อหนึ่งคือ ผู้เก็บรักษาพันธุ์ดั้งเดิมในอังกฤษก็นำเข้าเม่นจากสหรัฐอย่างน้อยหนึ่งครั้งเหมือนกัน ซึ่งทำให้เกรงว่าผู้เก็บรักษาพันธุ์จดจำลักษณะของทั้ง 2 สายพันธุ์จากเม่นของพวกเขาเองซึ่งอาจเป็นพันธุ์ผสมมาตั้งแต่แรก African pygmy hedgehogs ในปัจจุบันเกิดจากการผสมกันของทั้ง 2 สายพันธุ์เป็นเวลานานหลายปีจนเกิดเป็นสายพันธุ์ท้องถิ่นชนิดใหม่ที่เลี้ยงกันเม่นแคระพวกนี้ไม่ได้มีขนาดเล็กจนเรียกได้ว่าเป็นแคระอย่างแท้จริง แต่คาดว่าเกิดจากการที่มันมีขนาดเล็กกว่าเม่นของยุโรปและสายพันธุ์อื่นๆ เม่นแคระพวกนี้โดยปกติมีขนาดยางประมาณ 5-8 นิ้วหรือขนาดพอๆกับหนูตะเภาท้องถิ่น โดยเม่นเลี้ยงในปัจจุบันมีความแตกต่างกันไปทั้งขนาด สี และน้ำหนัก ลักษณะเหล่านี้ปรากฏให้เห็นได้จากสายพันธุ์กรรมโดยที่ความแตกต่างอย่างชัดเจนเกิดขึ้นจากการผสมข้ามสายพันธุ์นั่นเอง ในขณะที่สัตว์เลี้ยงอื่นๆมีคนทำการผสมและพัฒนาลักษณะที่เห็นได้กัน แต่เม่นแคระกลับมีสีที่แน่นอนสำหรับเป็นตัวอย่างน้อย การผสมพันธุ์เม่นแคระจึงเป็นเพียงงานอดิเรกคล้ายกับการผสมพันธุ์สัตว์อื่นเพื่อให้เป็นสัตว์เลี้ยงขาย
ลักษณะและพฤติกรรม
               เม่นแคระใบหน้าจะมีลักษณะแหลมคล้ายหนูหรือตัวแรคคูน แต่จมูกเล็ก จมูกมักขยับกระดุกกระดิกไปมา เหมือนกำลังสูดดมพบกลิ่นผิดไปจากเดิม ลำตัวมีหนามแหลม มีสีแตกต่างกันไป ตั้งแต่สีพื้นดำ หน้าดำ จมูกดำ ตาดำ ลำตัวและขน สีชอล์ค ส้ม น้ำตาล เทา ขาว หน้าขาว หรือสลับกันตามปริมาณของความหนาแน่นของสีขนนั้น ไปจนถึงขาวแบบเผือกตาแดง ผู้อ่านสามารถศึกษาได้จากหลายๆ แหล่งที่ให้ความรู้และขายสัตว์เหล่านี้อยู่ จึงได้มีการเรียกย่อยออกไปอีกหลายชื่อตามลักษณะที่พบ เม่นแคระเป็นสัตว์หากินกลางคืน แต่ก็ตื่นทั้งกลางวันและกลางคืนคล้ายกับแมว เจ้าของจึงเล่นกับเขาได้ตลอดเหมือนเลี้ยงแมว นิสัยชอบอยู่เพียงลำพัง จึงเป็นข้อดีที่เขาจะเข้ากับเจ้าของได้ง่าย และทำกิจกรรมร่วมกัน เล่น ดูทีวี อุ้ม เที่ยวเล่น หรือนอนบนตัก ชอบขุดหลุมตามธรรมชาติ ทั้งเพื่อซ่อนตัว และนอน ขยันหาอาหาร ถีบจักรเหมือนหนู แต่ไม่ได้หมายถึงจักรที่ต้องปีนป่ายแบบที่เห็นในหนู บาง ตัวชอบว่ายน้ำ มีความฉลาด และมีบุคลิกภาพส่วนตัว แต่ละตัวก็ต่างบุคลิกกันไป สามารถเล่นสนุกได้กับอุปกรณ์ที่จัดหาให้ง่ายๆ เช่น ตะกร้อพลาสติกเล็กๆ บางทีเรียกว่า “Hedgehog Wheel” ซึ่งนิยมนำมาให้เล่น สำหรับปีน ถีบ และดัน หลายคนนิยมประกอบบันไดในตู้เลี้ยง เพราะหลายตัวชอบปีนป่าย ขอนไม้ และท่อลอดต่างๆ ที่ทำเป็นทางวกวนไปมา แม้กระทั่งม้วนของทิชชู ก็เป็นอุปกรณ์ที่ทำให้เขามีความสุขได้ โดยการใช้หัวดุนให้หมุนกลิ้งไปเรื่อย ช่วยให้ได้ออกกำลังได้ดี แม้ว่าเม่นแคระจะถูกสนใจและนำมาเลี้ยงมานานแล้ว แต่ยังมีความเป็นสัตว์ป่า และนิสัยดั่งเดิมอยู่มาก หากเป็นตัวที่ถูกจับมาหรือไม่คุ้นคน จึงไม่ค่อยจะทนต่อความเครียด การจับต้อง ก็จะป้องกันตัวเอง และส่งเสียงร้องหรือขู่ บางตัวก็ร้องไม่ยอมหยุดทั้งที่ไม่ได้ทำอะไร พบในเม่นแคระที่ใช้เป็นสัตว์ทดลอง หรือเลี้ยงแบบธรรมชาติในสวนสัตว์ ที่ไม่คุ้นการจับต้องแบบเม่นเลี้ยง แต่หากคุ้นเคยกับผู้เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก หรือเกิดจากการเพาะพันธุ์ ก็จะไม่แสดงอาการหวาดระแวง การร้องหรือขู่ก็เมื่อเกี้ยวพาราสี ร้องหาแม่ หรือตกใจหวาดกลัวแต่ก็มีหลายอย่างที่แตกต่างจากหนู คือค่อนข้างขี้ระแวง หากมีอะไรผิดปกติ เช่น สิ่งของใหม่ กลิ่นแปลก ก็จะแสดงอาการต่อต้านหรือหลบเลี่ยง และมักจะพบเม่นเล่นน้ำลาย แล้วเอามาป้ายขนตัวเองเสมอ ซึ่งไม่ใช่สิ่งผิดปกติแต่อย่างใด
การให้อาหารเม่นแคระ
              เม่นแคระเป็นสัตว์ที่ตื่นกลางคืนหลับกลางวัน เราควรให้อาหารมันในตอนกลางวันและ ใส่อาหารและหนอนเอาไว้ในถ้วย สำหรับให้มันกินในตอนกลางคืนด้วย ควรให้ผลไม้เป็นอาหารเสริมด้วย เช่น มะละกอ กล้วย ชมพู่ เป็นต้น การให้น้ำเม่นแคระน้ำของเม่นควรเป็นน้ำผสมกับวิตามิน ในอัตราส่วนในฉลาก เป็นวิตามินแบบเดียวกับที่หนูแฮมเตอร์กิน อย่าให้วิตามินโดนแดดจะทำให้วิตามินเสื่อมคุณภาพ และให้โทษกับสัตว์เลี้ยงท่าน
อาบน้ำเม่นแคระ
             โดยธรรมชาติแล้ว เม่นแคระ เป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยที่จะชอบน้ำ ดังนั้น การอาบน้ำให้กับเม่น นั้นก็ค่อนข้างจะลำบากหน่อย ซึ่งโดยปกติ แล้ว เม่นเมื่อกินอาหารเข้าไป ก็จะ ถุยน้ำลายไว้ที่ขนตรงหลัง หรือไม่ก็ ข้างลำตัว ของเขาดังนั้นเราควรที่จะอาบน้ำให้บางเพื่อล้างสิ่งสกปรกสะสมนอกจากนี้ ยังช่วยในการกำจัด พวกปรสิต (ไร )ที่มาอาศัยอยู่กับเจ้าเม่น ของเราอีกด้วย การอาบน้ำให้              เม่น ควรจะทำเพียง ดือนละครั้ง หรือไม่ก็ ประมาณ 2 เดือนครั้งอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมในการอาบน้ำเม่นแคระน้ำยาอาบน้ำเม่นแคระ อาจใช้ แชมพูสำหรับเด็กเล็ก , น้ำยาอาบน้ำสุนัข หรือ แมว ให้เลือกสูตรที่อ่อนโยน , น้ำยา 3pผ้าขนหนู สำหรับเช็ดตัเม่นแคระหลังจากอาบน้ำเสร็จกะละมังเล็กๆ 2 ใบ เอาไว้ใส่ส่วนผสมน้ำยาอาบน้ำ และเป็นพื้นที่ในการอาบน้ำเม่นแคระแปรงสีฟัน ใช้สำหรับขัดสิ่งสกปรกที่ติดตามขนเม่นแคระ โดยการแปรงจากหัวเม่นแคระไปท้ายเม่นแคระไดร์เป่าผม อันนี้มีก็จะดีมาก เพราะช่วยทำให้เม่นแห้ง ไม่อับชื่นหลังอาบน้ำ
โรคต่างๆ
โรคอ้วน
             เป็นอีกโรคที่สำคัญ เพราะส่งผลให้เกิดโรคตับในเม่นแคระได้โดยมีความสัมพันธ์กัน
โรคทางเดินหายใจ
             จากเชื้อโรคเดียวกันกับหนู กระต่าย สุนัข เช่น จากเชื้อ Bordetella brochiceptica, Pasteurella multocida, และ Mycoplasma เป็นต้น
โรคเกี่ยวกับเลือด
              มักมีสาเหตุมาจากโรคตับ มะเร็ง หรือขาดสารอาหาร
โรคผิวหนัง
               จากไร หมัด และเชื้อรา ทำให้เกิดอาการต่างๆ ตามเชื้อนั้นๆ เช่นคัน แผลเกาหรือถู หากเป็นเชื้อรา ก็มักจะพบขนเปราะ ผิวหนังแห้งหยาบ เป็นวงนูนยกตัว เป็นปัญหาที่พบได้เสมอๆ การอาบน้ำและใช้น้ำยากำจัด รวมทั้งการฉีดยาป้องกัน หรือรักษาอย่างไอเวอเมกติน ก็นิยมปฏิบัติกันในรายที่พบว่าติดไร หรือหมัดรุนแรง แต่ต้องร่วมกับการกำจัดในที่อาศัยร่วม

 

 

 

 


 


























ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น