วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557


แมวเปอร์เซีย



ประวัติความเป็นมาของแมวเปอร์เซีย

เป็นที่สันนิษฐานกันว่าระหว่างการเดินทางของพ่อค้าทะเลทรายแถบเปอร์เซียและอิหร่านไปทางตะวันตกนั้น นอกจากจะมีการบรรทุกสินค้าพวกเครื่องเทศและอัญมณีหายากไว้บนหลังอูฐแล้ว บางครั้งยังมีการขนสิ่งล้ำค่ายิ่งกว่านั้นนั่นก็คือ แมวขนยาว ที่เราเรียกกันว่า แมวเปอร์เซียตามแหล่งกำเนิดของมัน แต่เอกสารฮีโรกลิฟฟิคในปี1684 ก่อนคริสตกาลนั้นได้ปกปิดความหมายที่แท้จริงของมันไว้ แมวเปอร์เซียซึ่งมีขนยาวปกคลุมตัวและมีหน้าคล้ายดอกแพนซีเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้ เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีแล้ว ความเชื่อง ความอ่อนน้อม และลักษณะนิสัยของมันจะทำให้มันปรับตัวเข้ากับทุกคนเป็นอย่างดี โดยธรรมชาติแล้วมันชอบบรรยากาศที่เงียบสงบและปลอดภัย แต่มันก็สามารถอยู่ในสภาพที่วุ่นวายได้หากได้รับความรักและการดูแลอย่างดี มันมีเสียงที่เงียบเบาและไพเราะไม่เป็นที่น่ารำคาญ มันมักจะใช้สายตาดวงโตของมันในการสื่อความรู้สึกและยังทำให้มันเป็นสัตว์ที่มีเสน่ห์เป็นอย่างมาก แมวเปอร์เซียนั้นมีขาที่สั้นซึ่งเหมาะกับลำตัวกว้างสั้นของมัน  มันชอบที่จะยืนทิ้งน้ำหนักลงบนขาของมันซึ่งไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการกระโดดสูงหรือปีนป่ายแต่อย่างใด

ด้วยความที่เป็นสัตว์ที่ขี้เล่นและไม่ค่อยจะเรื่องมาก มันชอบที่จะโพสต์ท่าต่างๆและเกาะอยู่ตามหน้าต่างหรือเก้าอี้ ทำให้มันกลายเป็นเหมือนเครื่องตกแต่งราวกับภาพวาดอันล้ำค่าเลยทีเดียวแมวเปอร์เซียเป็นแมวที่มีการตอบสนองต่างๆดีเยี่ยมและกลายเป็นบ่อเกิดความสนุกแก่ผู้เลี้ยง อีกทั้งความเป็นมิตรของมันจะทำให้ผู้เลี้ยงเพลิดเพลินใจขนยาวปกคลุมตัวของมันนั้นต้องการสภาพแวดล้อมที่อยู่ในร่มและมีการป้องกันอันตรายอย่างดี การดูแลที่ดีจะต้องมีการหวีขนอยู่เสมอๆเพื่อกำจัดปัญหาขนยุ่งและปัญหาการเกิด hairball คุณควรจะอาบน้ำให้มันเป็นครั้งคราว โดยจะต้องทำเมื่อหวีขนและตัดเล็บปลายเท้าเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะทำให้ขนของมันสะอาด ดูมีสุขภาพดี และสวยงาม  มันจะเป็นเรื่องดีมากหากคุณอาบน้ำให้มันเป็นประจำเมื่อครั้งมันยังเยาว์วัย ในขณะที่แมวเปอร์เซียสีขาวนั้นเป็นที่รักของช่างภาพและนักโฆษณา ยังมีแมวเปอร์เซียสีอื่นๆอีกมากมาย

ลักษณะแมวเปอร์เซีย

             แมวเปอร์เซีย จัดว่าเป็นแมวพันธุ์ขนยาวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง ประเทศที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศต้นกำเนิดของแมวเปอร์เซียก็คือ ตุรกีและอิหร่าน (เปอร์เซีย) และได้มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรในปี ค.ศ. 1684 ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นจริงๆ ของ Persian Catsพ่อค้าทะเลทราย (หรือที่เรียกว่ากองคาราวาน) ทางแถบๆ ตะวันตกของตุรกีและอิหร่าน มักบรรทุกสินค้ามากมาย อาทิเครื่องเทศน์ อัญมณี และสินค้ามีค่าอื่นๆ ซึ่งบางครั้งก็มีแมวขนยาวติดมาด้วย แมวขนยาวนั้นถูกซื้อโดยกะลาสีและได้นำแมวติดไปกับเรือสินค้าเดินทางเข้าทวีปยุโรป ซึ่งหลายปีต่อมาแมวพันธุ์นั้นถูกรู้จักในชื่อ เตอร์กิส แองโกร่า (Turkish Angora)ปลายศรรตวรรษที่ 19 Cat lovers ชาวอังกฤษเริ่มผสมแมวแองโกร่ากับแมวสายพันธุ์อื่น และพัฒนาจนได้แมวที่มีขนหนาและยาวกว่าเดิม และต่อมาแมวที่ได้รับการพัฒนาแล้วนี้ก็ได้รับการยอมรับและจดทะเบียนที่อังกฤษในชื่อว่า Persian Longhair ซึ่งชื่อของมันก็ถูกตั้งขึ้นตามประเทศต้นกำเนิดนั่นเอง

แมวเปอร์เซียเป็นแมวที่มีรูปร่างขนาดปานกลางถึงโครงร่างใหญ่ มีกระดูกที่ใหญ่และแข็งแรง หัวและหน้ากลม หน้าผากโหนก แก้มเต็ม ดวงตากลมโตและอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน มีจมูกที่หักกล่าวคือมีจุดเบรคมองเห็นจุดหักตรงเหนือจมูกอย่างชัดเจน แมวเปอร์เซียที่มีลักษณะตรงตามมาตรฐานสายพันธุ์ควรจะมีจมูกอยู่ในระดับเดียวกับตา โครงสร้างลำตัวสั้น ขาสั้นเตี้ย หูเล็กมีปลายหูที่กลมมน และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน หางสั้นและตรงไม่มีรอยหัก ขนยาวฟู มีท่วงท่าอิริยาบถที่ดูสง่างาม แมวเปอร์เซียในสมัยแรกๆ มีรูปร่างหน้าตาที่ต่างจากแมวเปอร์เซียในปัจจุบันมากทีเดียว ปัจจุบันมันถูกพัฒนาให้มีรูปร่างที่สั้นขึ้น ขนยาวขึ้น ถูกเปลี่ยนแปลงโครงร่างให้ใหญ่และกลม จมูกสั้นและหักมากขึ้น ซึ่งนี่คือความมหัศจรรย์ เป็นความสามารถอันสุดยอดของมนุษย์

    สีของแมวเปอร์เซีย

1. Solid Color Division (สีล้วน)
             เป็นแมวที่มีสีเดียวกันตลอดทั้งลำตัว ในอังกฤษจะเรียกว่า สี self สีขนของแมวสีล้วนควรจะมีสีที่สม่ำเสมอตลอดทั้งเส้น ไม่มีตำหนิหรือการไล่เฉด สีหลักๆ ที่พบได้แก่ white, black, blue (เทา), red, cream, chocolate, lilac (สีลาเวนเดอร์อ่อนๆ ปนสีชมพูเล็กน้อย) ในแมวสีเทา (หรือเรียกว่าสี blue) สีเทาอ่อนจะดีกว่าสีเทาเข้มมันดูสวยมากกว่าเมื่อดูในแสงธรรมชาติ สีดำควรจะดำเข้มและเป็นเงา      แมวสีขาวจะพบสีตาแบบที่ต่างกัน 3 แบบ คือ มีตาสี copper (ทองแดง) ทั้ง 2 ข้าง หรือ สีฟ้าทั้ง 2 ข้าง และพบตาแบบผสม (ตา 2 สี) คือมีสีตาข้างหนึ่ง copper และอีกข้างเป็นสีฟ้า แมวตา 2 สี สีตาทั้ง 2 ข้างควรจะมีระดับความเข้มที่เท่าๆ กัน ส่วนแมวเปอร์เซียในสีอื่นๆ จะมีตาสีคอปเปอร์
2. Silver & Gloden Division
             แมวในกลุ่มนี้จะมีสีขนไล่เฉดในขนเส้นเดียวกัน Silver คือแมวที่มีพื้นขนเป็นสีขาวและมีปลายขนสีดำ (black tip) ซึ่งดูโดยรวมแล้วจะเหมือนมีสีเป็นสีเงิน, Golden คือแมวที่มีสีพื้นเป็นสีครีมไปจนถึงแดงและมีปลายขนสีดำเช่นเดียวกันทั้ง Silver และ Golden ยังแบ่งประเภทตาม Tip ของขนออกเป็น Chinchilla และ shaded : Chinchilla จะมี tip สีดำที่ปลายขนอยู่เพียงเล็กน้อย (ประมาณ 1/8 ของความยาวเส้นขน) มีสีอ่อนที่บริเวณใบหน้า ขา หาง และลำตัว ส่วน Shaded จะมีสีดำที่มากกว่า (ประมาณ 1/3 ของความยาวเส้นขน) อาจจะมี tip ที่บนหน้าและขาบ้าง ดูแล้วจะมีสีที่เข้มกว่า Chinchilla แมวในdivision นี้มีลักษณะเฉพาะคือ มีดวงตาสีเขียวหรือเขียวแกมน้ำเงิน มีขอบตาสีดำละม้ายคล้ายเขียน eyes liner อุ้งเท้าและขอบปากสีดำ และจมูกสีแดงอิฐ หรือสีกุหลาบ
3. Shaded & Smoke Division
             แมวใน division นี้ มีลักษณะสีขนที่เป็นการไล่เฉดเช่นเดียวกัน มีพื้นขนสีอ่อนและมี tip ปลายขนเป็นสีเข้ม (สีต่างๆ) แบ่งประเภทตามลักษณะ Tip ของขนเป็น 3 แบบด้วยกัน Shell จะมี tip สีแค่บริเวณปลายๆ ขนเท่านั้น (พอๆ กับแมว Chinchilla) สีที่พบเช่น shell Cameos (Red Shell) มีพื้นขนสีขาว tip ปลายขนเป็นสีแดง red shell บางคนจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Red chinchilla, Cream shell มีพื้นขนสีขาวและ tip ปลายขนสีครีม, shell tortoiseshells มี tip ปลายขนทั้งสีดำและสีแดง, shell tortoiseshells มี tip ปลายขนทั้งสีดำและสีแดง, shell & shaded blue-cream มี tip ปลายขนทั้งสีเทาและสีครีมShaded มี tip ปลายขนมากกว่า (ประมาณ 1-3 ของเส้นขน) shell สีที่พบเช่น shaded cameos (Red Shaded) ,cream shaded, shaded tortoiseshells, shaded blue-cream สี Smoke จะมีส่วนที่เป็นสีไล่ลงไปใกล้โคนขนมาก (แต่ไม่เฉพาะเจาะจงว่าควรจะมีเท่าไหร่) มีสีขาวที่โคนขนเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ยังเป็นลูกแมวบางทีจะดูเหมือนว่าเป็นแมวสี Solid และจะค่อยๆ เห็นเป็น smoke ชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนลูกแมวอายุประมาณ 6-8 สัปดาห์ พบสีหลักๆ อยู่ทั้งหมด 6 สี ได้แก่ black smoke, blue smoke, cameo (red) smoke, cream smoke, smoke tortoiseshell (กระดองเต่า) และ blue-cream smoke (บูลครีม) แมวใน division นี้ ทั้ง shell, shaded และ smoke มีตาสี copper
4. Tabby DivisionTabby
              คือแมวลาย ลักษณะเด่นคือ จะมีลายเป็นรูปตัว M ที่หน้าผาก และมีลายเป็นริ้วที่หางตาไล่ไปข้างแก้มชัดเจน ที่ลำตัวเป็นลาย มีแพตเทิร์นอยู่ 3 แบบ คือ classic ลักษณะลายข้างลำตัวจะเป็นลายวงใหญ่ๆ ลายทั้ง 2 ข้างของลำตัวจะต้องเหมือนกัน, mackerel เป็นลายเส้นเล็กพาดยาวตามเส้นหลังและด้านข้างลำตัวเป็นลายขวางรอบๆตัว และ patched tabby สีพื้นและเส้นลายจะกลืนๆ แบบกระดองเต่า ซึ่งใน patched tabby ก็สามารถพบได้ทั้งลาย classic และ mackerelสีที่พบใน division นี้ได้แก่ silver, blue silver, red, brown, blue, cream, cameo และ cream cameo ใน red tabby จะไม่มีแพตเทิร์นแบบ patched tabby แมวใน division นี้มีตาสี copper ยกเว้นในสี silver มีตาสีเขียว, hazel และ copper
5. Particolor Division
            แมวใน division นี้จะพบเฉพาะเพศเมียเท่านั้น เนื่องจากเป็นเหตุผลในเรื่องของโครโมโซม สีที่พบได้แก่ tortoiseshell (กระดองเต่า) สีดำสลับแดง, blue-cream สีเทาสลับครีม, chocolate tortoiseshell สีน้ำตาลสลับแดง และ lilac-cream เป็นแมวสีดำสลับแดง แมวสี blue-cream และ lilac-cream เป็นสีที่ดูอ่อน และนุ่มนวลกว่า tortoiseshell และ chocolate tortoiseshell แมวใน division นี้มีตาสี copper
6. Bicolor & Calico Division
            แมว division นี้มีสีหลักคือสีขาวกับสีอื่นอีก 1 สี ตามมาตรฐานสายพันธุ์ของสมาคม CFA ควรมีมาร์คกิ้งสีขาวดังนี้คือ ขาทั้งสี่ อุ้งเท้า อก และสีขาวที่หน้าเป็นรูปตัว V คว่ำ (ปัจจุบันอนุโลมไม่มีก็ได้) และหากมีสีขาวรอบคอด้วยก็จะดี แต่ไม่มีก็ไม่ถือว่าผิดมาตรฐาน ในประเภท Van จะมีสีเฉพาะที่หัวกับหางเท่านั้น อนุโลมให้มีสีจุดเล็กๆ ที่ลำตัวได้ไม่เกิน 2 จุด แมวใน division นี้มีตาสี copperbicolor คือแมวที่มี 2 สี พบทุกสีที่มีอยู่ในประเภท solid เช่น black&white, blue&white, red&white, cream&white นอกจากนี้ยังพบสีที่เป็น smoke&white (ในส่วนที่เป็นสีจะเป็น smoke) และ tabby&white (ในส่วนที่เป็นสีมีลาย tabby) ด้วย
7. Himalayan Division
             แมวหิมาลายัน เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าแมว color point เป็นแมวเปอร์เซียที่ได้รับความนิยมมากอีกชนิดหนึ่ง แมวหิมาลายันเกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวเปอร์เซียและแมวไทยพันธุ์วิเชียรมาศ มีลักษณะรูปร่างหน้าตา และขนยาวเหมือนแมวเปอร์เซีย แต่มีแต้มแบบแมววิเชียรมาศ (9 จุด ได้แก่ ครอบหน้า 1, หู 2, ขาทั้ง 4, หาง 1 และอวัยวะเพศ 1ได้รับการพัฒนาจนมีสายเลือดที่นิ่งจนเป็นที่ยอมรับว่าเป็นแมวเปอร์เซียอีก division หนึ่ง สีที่พบได้แก่ seal, chocolate, lilac, blue, red, cream, tortie, blue-cream, chocolate-tortie, lilac-cream และด้วยความสามารถของนักเพาะพันธุ์ ได้มีการบรีดแมวหิมาลายันให้มี point ที่มีลาย tabby เรียกว่า lynx point (พบทุกสีที่กล่าวมาข้างต้น) แมวหิมาลายันมีตาฟ้าหรือสีน้ำเงินแมวที่มีตาสีอื่นนอกจากนี้ถือว่าผิดมาตรฐาน
การดูแลแมวเปอร์เซีย
              ข้อที่ 1 การหมั่นทำความสะอาดถึงการแปลงและสางขนแมวอย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันการ เกิดขนพันกัน เพราะการที่ขนพันกันเป็นกระจุกนั้นจะเป็นแหล่งเพาะเชื่อโรครวมทั้งพยาธิต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังอักเสบ และเป็นที่อยู่ของเห็บ หมัด อีกด้วย
              ข้อที่ 2 ในเรื่องของอาหารการกินนั้น ควรเลือกอาหารที่ช่วยให้ทางเดินอาหารของแมวไม่อุดตัน เนื่องจากแมวเปอร์เซียจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเลียทำความสะอาดขน อันเป็นสาเหตุในการกินหรือกลืนเส้นขนเข้าไปเป็นจำนวนมาก หากเส้นขนจะไปรวมตัวกันในช่องท้อง จะทำให้แมวเปอร์เซียสำรอกหรือเกิดปัญหาของระบบย่อยอาหารได้
              ข้อที่ 3 ส่วนโรคที่พบบ่อยในแมวเปอร์เซียนั้นส่วนใหญ่จะเป็นโรคที่เกิดขึ้นและถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น โรคหายใจขัดหอบ หรือ ท่อน้ำตาอุดตันเป็นต้น นอกจากนี้แมวเปอร์เซียที่มีสีขาวรวมถึงแมวเปอร์เซียที่มีตาสีฟ้าหรือตาข้างละสี มักมีความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด คือ หูหนวก อีกด้วยโรคและวิธีการป้องกัน

โรคมะเร็งของเม็ดเลือดในแมว ( Feline Leukemia )


           โรคลิวคีเมียของแมวเกิดจากเชื้อไวรัส FeLV ซึ่งจะทำลายเซลล์ในระบบการสร้างภูมิคุ้มกันของแมวทำให้แมวไม่สามารถต่อสู้กับการติดเชื้ออื่น ๆ เช่นปอดอักเสบ นอกจากนี้ไวรัสตัวนี้ยังสามารถก่อให้เกิดมะเร็งในประชากรแมวบางส่วนได้ เช่น มะเร็งเม็ดเลือดและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เมื่อมีการติดเชื้อไวรัส FeLV แมวบางตัวสามารถกำจัดเชื้อตัวนี้ไปได้และหายจากโรคนี้ แต่ถ้ามีการติเชื้ออย่างถาวรแมวจะเสียชีวิตได้ แมวที่มีสุขภาพอ่อนแออย่างต่อเนื่องหรือเจ็บป่วยจากการติดเชื้อหรือมีไข้ อาจจะเป็นโรคนี้ได้ ปัจจุบันนี้คุณสามารถป้องกันแมวของคุณจากการติดเชื้อโดยฉีดวัคซีนป้องกันโรคมะเร็งของเม็ดเลือดในแมวสอบถามสัตวแพทย์ของท่านเกี่ยวกับโปรแกรมการป้องกันเพื่อสุขภาพที่ดี การฉีดวัคซีนจะเริ่มต้นด้วยการฉีดวัคซีนนี้ 2 เข็ม ห่างกัน 3 สัปดาห์ หลังจากนั้นฉีดซ้ำทุกปี

โรคพิษสุนัขบ้า ( Rabies )
           โรคนี้เป็นโรคของสัตว์สู่คนที่อันตรายที่สุดและสามารถเกิดขึ้นกับสัตว์เลือดอุ่นทุกชนิด ( สุนัข แมว ปศุสัตว์ สัตว์ป่า ) จึงจำเป็นต้องแดวัคซีนให้กับสัตว์เลี้ยงของท่านทุกตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมวที่มีนิสัยชอบท่องเที่ยวและไม่อยู่ติดบ้าน โรคพิษสุนัขบ้านี้เกิดจากไวรัส ที่ทำลายเนื้อเยื่อระบบประสาท โดยมีระยะฟักตัวของโรคตั้งแต่ 10 วันจนถึงหลาย ๆ เดือน สัตว์ที่ติดเชื้อนี้อาจจะหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน บางตัวอาจแสดงอาการก้าวร้าวผิดปกติ และทำร้ายคน หรือสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ เมื่อสัตว์แสดงอาการของโรคแล้วจะจบลงด้วยการเสียชีวิตเสมอ เชื้อไวรัสนี้สามารถแพร่กระจายโดยการกัดหรือสัมผัสน้ำลายของสัตว์ที่ติดเชื้อนี้ ดังนั้นเมื่อแมวที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนไปต่อสู้กับสัตว์ที่ติดเชื้อนี้ หรือแผลจากการต่อสู้ ให้สงสัยไว้ก่อนว่ามีการติดเชื้อโรคนี้ ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้กับแมวเมื่อมีอายุ 12 สัปดาห์ขึ้นไปและฉีดกระตุ้นซ้ำตามคำแนะนำของสัตวแพทย์
โรคไข้หัดแมว ( Feline Distemper )
โรคนี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าโรคลำไส้อักเสบติดเชื้อไวรัสในแมว (Feline Penleukopenia )เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปและเกิดในแมวทุกอายุ แมวทุกตัวควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ เนื่องจากไม่สามารถระวังไม่ให้แมวสัมผัสกับเชื้อโรคนี้ได้ โดยเชื้อนี้จะมีผลกับอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้เกิดอาการไข้ เบื่ออาหาร อาเจียน ท้องเสีย แสดงสภาวะขาดน้ำ อ่อนเพลีย ตัวสั่นและเดินไม่ตรง แมวอาจตายภายในหนึ่งสัปดาห์ ลูกแมวที่เป็นโรคนี้ 3 ใน 4 ตัว จะตาย แมวที่มีอายุเมื่อเป็นโรคนี้ จะมีอัตราการตาย 50 % ดังนั้นควรฉีดวัคซีนให้แมวเพื่อป้องกันโรคนี้ในลูกแมวอายุน้อยกว่า 12 สัปดาห์ ควรฉีดวัคซีนนี้ 2 - 3 ครั้ง ห่างกัน 2 - 3 สัปดาห์
โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบชนิดติดเชื้อในแมว (Feline Infection Peritonitis)
            เกิดจากเชื้อไวรัส ถึงแม้ความเสี่ยงของการติดโรคนี้จะต่ำ แต่แมวที่เป็นโรคนี้จะเสียชีวิตเสมอภายใน 6 เดือนหลังจากเกิดโรค แมวจะมีช่องท้องขยายใหญ่ เนื่องจากมีของเหลวสะสมอยู่ มีไข้ น้ำหนักลด และตาเจ็บ
โรคระบบทางเดินหายใจในแมว (Feline Respiratory Disease )
            โรคระบบทางเดินหายใจมักจะแพร่กระจายจากแมวตัวหนึ่งไปอีกตัวหนึ่งได้ง่าย โดยละอองที่ฟุ้งกระจายเมื่อแมวไอ หรือ จาม ลูกแมวที่ป่วยด้วยโรคนี้อาจเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะถ้าเป็นปอดอักเสบ แมวที่ป่วยมักมีน้ำมูก น้ำตาไหล จมูกและปากมีแผล ตาอักเสบ มีไข้ โรคนี้มักมีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสที่เรียกว่า Feline rhinotracheitis และ Feline calicivirus ในกรณีของ Rhinotracheitis จะมีความรุนแรงกว่าและอาจทำให้แมวที่ตั้งท้องเกิดการแท้งได้ แมวควรไดรับการฉีดวัคซีน ซึ่งจะป้องกันโรคจากไวรัสทั้ง 2 ชนิดนี้ได้
วิธีป้องกัน
ควรฉีดวัคซีนชนิดใดให้กับแมว
           มีวัคซีนป้องกันโรคให้แมวอยู่หลายชนิด ซึ่งโปรแกรมการทำวัคซีนจะมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ตรงกับความต้องการของตัวสัตว์มีปัจจัยบางอย่างที่สัตวแพทย์ใช้พิจารณา ก่อนที่จะเริ่มทำวัคซีนให้กับแมวสุขภาพโดยรวม สัตว์ที่มีสภาวะขาดอาหาร หรือป่วย หรือกำลังให้ยาบางอย่างอยู่ อาจไม่ตอบสนองต่อการทำวัคซีน ดังนั้นจึงต้องตรวจสุขภาพก่อนทำวัคซีนความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรค วัคซีนป้องกันโรคบางอย่างอาจไม่จำเป็นต้องฉีด ถ้าความเสี่ยงต่อการติดโรคนี้มีน้อยอายุแมววัคซีนส่วนใหญ่ประสิทธิภาพดี เมื่อให้กับลูกแมวที่หย่านมแล้ว เนื่องจากภูมิคุ้มกันจากแม่อาจไปลบล้างการทำงานของวัคซีนได้สัตว์ที่มีพยาธิ ( เช่นพยาธิลำไส้หรือหมัด ) หรือมีการติดเชื้อ อาจไม่ตอบสนองความต่อการทำวัคซีนได้ สัตวแพทย์จะเป็นผู้แนะนำโปรแกรมวัคซีนที่เหมาะสมและช่วยให้แมวของท่านมีสุขภาพดีขึ้น















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น